การที่จะทำธุรกิจเป็นของตนเองนั้น ไม่ใช่เพียงแค่มีเงินลุงก็สามารถต่อยอดได้ แต่เป็นการวางแผน การเตรียมตัวต่างๆ จึงจะทำให้ดำเนินธุรกิจได้ดีมากขึ้นครับ บทความนี้อยากจะพาทุกๆ ท่านไปพบกับการ “ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ พื้นฐานทางเศรษฐกิจ” กันดูครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราไปลุยกันดีกว่า
รู้จักกับ พื้นฐานทางเศรษกิจและปัญหาที่มักเจอ
การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ เพราะการศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาคนซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในระบบเศรษฐกิจ เพราะระบบเศรษฐกิจก้าวหน้าเพียงใดขึ้นอยู่กับคุณภาพของคนในสังคมนั้น การพัฒนา
โดยปัญหาฐานทางเศรษฐกิจ เกิดขึ้นจากการที่ทรัพยากรเศรษฐกิจมีจำกัด เมื่อเทียบกับความต้องการของมนุษย์ที่มีอยู่อย่างไม่จำกัด ทำให้ทุกสังคมประสบปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ซึ่งจำแนกออกได้เป็น 3 ปัญหา คือ
1. ปัญหาว่าจะผลิตอะไร (What) เนื่องจากมีทรัพยากรจำกัดเมื่อเทียบกับความต้องการ ดังนั้นจึงต้องมีการตัดสินใจว่าควรจะเลือกทรัพยากรที่มีอยู่ นำไปผลิตสินค้าและบริการอะไรได้บ้างที่จำเป็น และเป็นจำนวนเท่าใด จึงจะสามารถสนองความต้องการและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อสังคม ตัวอย่างเช่น ประเทศชาติมีทรัพยากรจำกัดก็ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดนั้นไปในการผลิตอาหารเพื่อปากท้องของพลเมืองอย่างทั่วถึง หรือควรจะผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารให้เป็นประเทศมหาอำนาจ เป็นต้น
2. ปัญหาว่าควรผลิตอย่างไร (How) หลังจากตัดสินใจได้ว่าจะผลิตอะไรเป็นจำนวนสักเท่าใดแล้ว ปัญหาที่เราจะต้องตัดสินใจขั้นต่อไปก็คือ เราจะใช้เทคนิคและกรรมวิธีการผลิตสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคต้องการวิธีการใด และจะใช้ปัจจัยการผลิตมากน้อยในสัดส่วนเท่าใดจึงจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด หรือเสียต้นทุนต่ำที่สุด เนื่องจากผู้ผลิตมีเทคนิคและกรรมวิธีการผลิตสินค้าได้หลายวิธีที่สามารถให้ผลผลิตเท่าเทียมกัน จึงต้องเลือกใช้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ตัวอย่างเช่น เกษตรกรต้องการปลูกข้าวให้ได้ข้าวเปลือก 1,000เกวียน อาจเลือกใช้ที่นาจำนวนมากโดยใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์การเกษตรจำนวนน้อย หรืออาจเลือกใช้ที่นาจำนวนน้อยโดยใช้เทคโนโลยีการเกษตรจำนวนมาก ไม่ว่าเราใช้การผลิตวิธีใดก็สามารถได้ข้าวเปลือก 1,000 เกวียนเท่ากัน เป็นต้น
3. ปัญหาวาจะผลิตเพื่อใคร (For Whom) ปัญหาว่าจะผลิตสินค้าและบริการเพื่อใคร คำตอบก็คือผลิตเพื่อประชาชนซึ่งเป็นผู้บริโภค หลังจากผลิตสินค้าและบริการได้แล้วก็จะมีการจำหน่ายจ่ายแจกไปยงผู้บริโภค เงินที่ผู้บริโภคใช้จ่ายเพื่อเป็นเจ้าของสินค้าและบริการจะตกไปอยู่กับใคร จำนวนเท่าใด เป็นการศึกษาถึงการผลิต การบริโภค และการแบ่งสรรทรรัพยากรการผลิตโดยการซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน การที่ผู้บริโภคแต่ละคนจะได้สินค้าและบริการมากินมาใช้มากน้อยแค่ไหน หรือรัฐบาลของบางประเทศอาจเป็นผู้กำหนด ตามนโยบายของรัฐบาลว่าจะจัดสรรให้แก่กลุ่มบุคคลใด ด้วยวิธีการอย่าง
การวางแผนธุรกิจที่น่าทำตาม
●เป้าหมายขององค์กร จุดสำคัญที่สุดของการทำแผนธุรกิจคือการกำหนดเป้าหมายขององค์กรว่าในแต่ละปีเราจะทำอะไรไปเพื่ออะไร และถ้าจะให้ได้ผลสูงสุดการกำหนดเป้าหมายนี้ควรให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมกันทำ เพื่อให้เกิด commitment หรือพันธสัญญาร่วมกัน
●ทำแผนการตลาด แผนการตลาดจะบอกทิศทางการทำการตลาดตลอดปี ตั้งแต่การปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์?(ถ้าจำเป็น) แผนการออกสินค้า แผนโปรโมทสินค้า ส่งเสริมการขาย การวางแผนสื่อ และงบประมาณที่ต้องใช้ตลอดทั้งปีเพื่อให้การใช้เงินนั้นคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
●วางแผนการขาย แผนงานสำคัญที่จะบอกว่า เพื่อให้ได้มาซึ่งยอดขายรวมที่เป็นเป้าหมายหลักขององค์กร (จากข้อ 2.) เราต้องทำอะไรบ้าง เช่นควรเพิ่มความสำคัญกับช่องทางการขายไหนมากขึ้น หรือควรเลิกขายลูกค้ารายใดบ้างเพื่อให้ทีมไปโฟกัสกับลูกค้าที่มีโอกาสมากกว่า
●แผนการผลิต/สั่งซื้อสินค้า แผนการผลิตหรือการสั่งซื้อสินค้าคือแผนงานสำคัญที่ SME มันมองข้าม เพราะมัวแต่ให้ความสำคัญกับการขายและการตลาด แต่ในความเป็นจริงแล้ว การวางแผนการผลิตหรือสั่งซื้อที่ดี จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมหาศาลโดยเฉพาะการสั่งซื้อสินค้าและวัตถุดิบตามฤดูกาลที่จำเป็นต้องมีการวางแผนสั่งซื้อที่ประสิทธิภาพเพื่อให้ได้สินค้าทีมีคุณภาพและราคาที่ดีที่สุด
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “พื้นฐานทางเศรษฐกิจ” ที่มาพร้อมกับข้อมูลการวางแผนธุรกิจคร่าวๆ คิดว่าน่าจะสามารถใช้งานได้จริงครับ